หัวเว่ย ร่วมกับพันธมิตร 70 ราย เสนอกรอบแนวคิดองค์รวม 5 ประการ ขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์รวมบุคลากรด้านดิจิทัลของอาเซียน

บริษัท หัวเว่ยเทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันอุดมศึกษาและบรรดาพันธมิตรจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศร่วมหารือเพื่อนำแนวทางมาพัฒนาบุคลากรไอซีทีต่อยอดสู่แผนแม่บทประเทศภายในงาน Thailand Talent Transformation Symposium พร้อมเปิดตัวโครงการบ่มเพาะด้านดิจิทัลที่หลากหลายและการแข่งขันสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยกว่า 200 คน ใน‘ICT Competition 2022’เพื่อยกระดับอีโคซิสเต็มด้านบุคลากรดิจิทัลในประเทศไทย

ว่าที่ร้อยเอกมนตรี มั่นคง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวเปิดโครงการความร่วมมือ Thailand Talent Transformation Symposium ว่า “ปัจจุบันประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลระหว่างชุมชนเมืองและชุมชนชนบท จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมและหัวเว่ย ประเทศไทย ในการจัดทำและเผยแพร่สมุดปกขาว“การพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลของประเทศไทย (Thailand National Digital Talent Development)” ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นปัญหาการขาดแคลนบุคลากรและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอันเกิดจากการเร่งขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลแบบก้าวกระโดด ซึ่งเมื่อเทียบสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยภายในปี พ.ศ. 2570 จะมีอัตราการเติบโตของจีดีพีถึง 30% ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการสร้างโอกาสที่ดีในการพัฒนาบุคลากรไอซีทีให้แก่ประเทศ สอดคล้องกับนโยบายแผนแม่บทการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2565 – 2570) ที่มีเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมให้บุคลากรทุกกลุ่มมีความรู้และทักษะที่เหมาะสมต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพในยุคดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมต้องขอขอบคุณหัวเว่ยที่จัดโครงการICT Competition 2022 นี้ขึ้นเพื่อช่วยบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีทักษะความสามารถและเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศไทยให้ครอบคลุม สมบูรณ์และยั่งยืน”

ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลส่งผลให้เกิดภาวะการขาดแคลนแรงงานทักษะดิจิทัลโดยสมุดปกขาวหรือรายงานเชิงลึกระบุว่าประเทศไทยจะเผชิญกับการขาดแคลนบุคลากรดิจิทัลถึงกว่า 500,000 คนภายในปี พ.ศ. 2573 โดยเฉพาะบุคลากรที่มีทักษะด้าน 5G,IoT, และคลาวด์ ในระดับ 3 (ระดับกลาง) และในระดับ 4 (ระดับสูง) ทางกระทรวงการอุดมศึกษาฯจึงมุ่งให้ความสำคัญในการเร่งพัฒนาทักษะและเสริมองค์ความรู้ด้านดิจิทัลให้แก่บุคลากรรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพและมีทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยมีแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรดิจิทัลสำหรับสถาบันการศึกษาไทย ส่งเสริมการปฏิรูปการศึกษาทั้งด้านหลักสูตรและการปฏิบัติจริง สร้างบุคลากรดิจิทัลให้เพียงพอต่อความต้องการในภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคตทั้งนี้หัวเว่ยถือเป็นกำลังสำคัญจากภาคเอกชนในการสนับสนุนการผลิตบุคลากรไอซีทีพร้อมมีส่วนช่วยยกระดับนโยบายการพัฒนาบุคลากรไอซีทีสู่แผนแม่บทประเทศและโครงการการบ่มเพาะบุคลากร ICT Competition 2022 ถือเป็นอีกหนึ่งในโครงการที่ตอบโจทย์การผลักดันต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพให้กับบุคลากรไทย”

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการฝ่ายเครือข่ายธุรกิจผู้ให้บริการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “บุคลากรดิจิทัลนับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักสำคัญที่หัวเว่ยลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยวางกรอบและแนวทางในการปฏิบัติสามด้าน เพื่อบ่มเพาะบุคลากรที่มีความสามารถในระดับสูง โดยในระดับสูงสุดนั้น หัวเว่ย อาเซียน อะคาเดมี (Huawei ASEAN Academy) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2562นั้นได้ฝึกอบรมบุคลากรไอซีทีไปแล้วกว่า 60,000 คน และธุรกิจ SMEs ไปแล้ว 2,600 ราย เพื่อสร้างผลกระทบในเชิงลึกและยิ่งใหญ่ขึ้น หัวเว่ยจึงได้ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เผยแพร่สมุดปกขาว“การพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลของประเทศไทย” พร้อมระบุความท้าทายหลัก11 ด้าน และข้อแนะนำด้านนโยบาย 5 ประการ โดยหัวเว่ยมุ่งที่ 3 แนวทางหลักในการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพประกอบด้วย ความเป็นผู้นำ ทักษะ และองค์ความรู้”

 

 

สำหรับด้านองค์ความรู้นั้น หัวเว่ย ไอซีที อะคาเดมี ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 37 แห่งของประเทศไทย โดยไทยเป็นประเทศแรกที่ดำเนินโครงการSeeds for the Future อันถือเป็นโครงการเรือธงเพื่อสังคมของหัวเว่ย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 โดยมีนักเรียนไทยที่มีความสามารถเข้าร่วมแล้วกว่า 220 คน และภายใต้อีโคซิสเต็มนี้ โครงการ ICT Competition โครงการเรือธงระดับโลกของหัวเว่ยที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปี พ.ศ. 2558ได้สร้างประโยชน์ให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยไปแล้วกว่า 1,000 คน และในปีนี้ เราตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างความรู้ด้านไอซีทีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ให้แก่เยาวชนที่มีความรู้ความสามารถอีกกว่า 200 คนตอกย้ำพันธกิจของหัวเว่ยที่ว่า เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทยสนับสนุนประเทศไทย (Grow in Thailand, Contribute to Thailand)” นายอาเบล กล่าว

นอกจากนี้ สมุดปกขาว “การพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลของประเทศไทย” ที่จัดทำร่วมกับโรแลนด์ เบอร์เกอร์ (Roland Berger) บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านการจัดการระดับโลกได้ระบุถึงกรอบแนวคิดองค์รวม 5 ประการ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านบุคลากรไอซีที โดยจะมาจากการผสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ประกอบด้วย 1) การจัดทำนโยบาย การปรับมาตรฐาน และการติดตามการดำเนินการ 2) การพัฒนาทักษะ 3) การสร้างอาชีพและการหางานเพื่อรองรับบุคลากร 4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และ 5) การระดมทุนและสนับสนุนเงินทุน

สำหรับโครงการ ICT Competition 2022 เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านไอซีทีการฝึกทักษะในการปฏิบัติจริงและการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทั่วโลกในการสร้างนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มใหม่ๆซึ่งจะช่วยยกระดับการศึกษาและสร้างทักษะบุคลากรรุ่นใหม่โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2565 จนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566ทั้งนี้ ทีมผู้ชนะจากการแข่งขันจะได้รับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท

หัวเว่ย ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ริเริ่มโครงการหัวเว่ยไอซีทีอะคาเดมี (ประเทศไทย) และได้ร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำในประเทศอีก 37 แห่งในการสร้างบุคลากรไอซีทีในประเทศไปแล้วกว่า 26,000 คนและตั้งเป้าที่จะฝึกอบรมบุคลากรดิจิทัลสัญชาติไทยเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10,000 คนภายในปี พ.ศ. 2566 รวมทั้งจะสามารถร่างข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในสมุดปกขาวอันจะนำไปสู่การริเริ่มการสร้างบุคลากรที่มีความหลากหลายด้านทักษะในอีโคซิสเต็ม และจะเดินกลยุทธ์ในการร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเวทีที่เปิดกว้างและสร้างโอกาสใหม่ ๆ อย่างมั่นคง ซึ่งท้ายที่สุดจะสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสู่ทุกคน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างสมบูรณ์แบบ