“IBM” ออกโรงเป็นผู้นำ “กรีนคอมพิวติ้ง” ย้ำ!! ภารกิจสำคัญของทุกองค์กรคือสร้างความยั่งยืน

The Green Computing and Purpose-Built Foundation for Sustainable Future

 

  Green computing ปรัชญายอดฮิต ของยุคดิจิทัล ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมของคอมพิวเตอร์และทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกัน  ซึ่งผู้ประกอบการหลายแบรนด์ออกมาเทคเอคชั่นร่วมกันรักโลกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะมีสักกี่แบรนด์ที่แสดงจุดยืนชัดเจนและลงมือทำจริงอย่างจริงจัง อาทิ การใช้ซีพียูที่ประหยัดพลังงาน​ ลดการบริโภคทรัพยากร ลดขยะอีเลคโทรนิคส์ ฯลฯ Green computing  ถือเป็นหนึ่งในฐานรากสำคัญของการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ปัจจุบันอุตสาหกรรม ICT ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนระหว่าง 1.8% ถึง 3.9% ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานนับเป็น 3% ของการใช้พลังงานทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา

ล่าสุด รายงาน “Global Risks Report 2021” โดย World Economic Forum ระบุว่าสภาพอากาศอันรุนแรง ความล้มเหลวจากการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ และความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ดังนั้นความเสี่ยงสูงสุดสามอันดับแรก สำหรับธุรกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้า คือ การสร้างความยั่งยืน ที่เป็นเรื่องที่องค์กรต้องให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Green computing ของแบรนด์ขนาดใหญ่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยักษ์ใหญ่กลุ่มอุตสาหกรรม ICT อย่าง IBM จึงมีการจัดแถลงข่าว ภายใต้หัวข้อ “The Green Computing and Purpose-Built Foundation for Sustainable Future” นำโดย แอ็กเนส เฮฟท์เบอร์เกอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของไอบีเอ็ม อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลี (IBM ASEANZK) โดยได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

การสร้างความยั่งยืน ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุดขององค์กร และเป็นหนึ่งในภารกิจท้าทายของผู้บริหารทั้งในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก เทคโนโลยีกรีนคอมพิวติ้งที่ช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม อย่างการลดการปล่อยคาร์บอน หรือการลดการใช้พลังงานทั้งในมุมผู้ผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ และผู้ใช้งาน จึงทวีความสำคัญไม่แพ้กัน

ดาต้าเซ็นเตอร์ใช้พลังงานมหาศาล และถือเป็นสัดส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมดขององค์กร แต่วันนี้เทคโนโลยีช่วยให้องค์กรสามารถลดการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฟุตปริ้นท์ขององค์กรได้แล้ว ยังจะช่วยตอบโจทย์ท้าทายด้านความยั่งยืนขององค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

ทั้งนี้ผลสำรวจจากรายงาน IBM Global CEO Study ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า วันนี้ความยั่งยืนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญขององค์กรโดย

48% ของผู้บริหารที่สำรวจระบุว่า ได้บรรจุเรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งในภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุดขององค์กร

47% ของผู้บริหารในเอเชียแปซิฟิคมองว่า เรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งความท้าทายสูงสุด ขณะที่การขาดมุมมองเชิงลึก ROI ที่ไม่ชัดเจน รวมถึงข้อจำกัดเชิงเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ผู้บริหารมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนความยั่งยืน

ผู้บริหารที่สำรวจระบุว่าได้รับความกดดันในเรื่องความยั่งยืนจากบอร์ด (73%) นักลงทุน (57%) หน่วยงานที่กำกับดูแล (51%) พันธมิตร (48%) และภาครัฐ (48%)

โดยกว่า 80% ของผู้บริหารที่สำรวจมองว่า การขับเคลื่อนความยั่งยืนจะส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการและการเติบโตขององค์กร

กรีนคอมพิวติ้งและประโยชน์เชิงบวกที่มีต่อองค์กร  

กรีนคอมพิวติ้ง (หรือกรีนไอที) เป็นการออกแบบ การผลิต การใช้ หรือการกำจัดคอมพิวเตอร์ ชิป หรือชิ้นส่วนเทคโนโลยีอื่นๆ ในแนวทางทางที่ลดผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการ

ลดการปล่อยคาร์บอน

ลดการใช้พลังงานทั้งในมุมผู้ผลิต ดาต้าเซ็นเตอร์ และผู้ใช้งาน

เลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ยั่งยืน    

สนับสนุนความยั่งยืนด้วยการใช้พลังงานทางเลือก


นอกจากนี้ยังรวมถึงการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ การช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำอุปกรณ์ต่างๆ มาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้

 

จากสถิติพบว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมไอทีปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนระหว่าง 1.8% – 3.9% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลก International Energy Agency ประมาณการณ์ว่าวันนี้ 1% ของไฟฟ้าทั่วโลกถูกใช้ไปกับดาต้าเซ็นเตอร์ และภายในปี 2025 ดาต้าเซ็นเตอร์จะใช้ 1/5 ของพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก รายงานโดย Association for Computing Machinery ระบุว่าจำเป็นต้องมีการจำกัดการใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอนของระบบคอมพิวเตอร์ทั่วทั้งอุตสาหกรรม ICT หากต้องการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ

IBM LinuxONE Emperor 4 ระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์อย่าง IBM LinuxONE Emperor 4 จึงเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ต่อยอดความยั่งยืนได้เพราะมีจุดเด่นที่หลากหลาย คือ

ลดการใช้พลังงาน 75%

ลดการใช้พื้นที่ในดาต้าเซ็นเตอร์ลง 50%

ลดฟุตปรินท์จาก CO2e (คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) ได้กว่า 850 เมตริกตันต่อปี เมื่อเทียบกับมาตรฐานเซิร์ฟเวอร์ในอุตสาหกรรมที่สามารถรันเวิร์คโหลดได้ในระดับเดียวกัน

สามารถสเกลเพื่อรองรับเวิร์คโหลดหลายพันรายการได้ภายในเครื่องเดียว

มีระบบ Scale-out-on-scale-up ที่รันเวิร์คโหลดด้วย high density และฟีเจอร์ในการเปิดใช้คอร์ที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ โดยไม่สร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์เพิ่มขึ้น ช่วยให้สามารถเพิ่มการตอบสนองต่อความต้องการและการทำธุรกรรมที่พุ่งสูงขึ้นได้ดีขึ้นร่นเวลาในการพัฒนา การเปิดใช้ซอฟต์แวร์ และการเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ของแอพ

รองรับการเติบโตของธุรกิจ

ลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total cost of ownership หรือ TCO)

นอกจากนี้ IBM LinuxONE Emperor 4 ยังสามารถแทรคการใช้พลังงานได้แบบเรียลไทม์ ด้วยเครื่องมือมอนิเตอร์พลังงานบน LinuxONE  ตอบโจทย์ความท้าทายด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ทั้งในวันนี้และอนาคต ความสามารถในการรัน 25,000 ล้านธุรกรรมต่อวันได้อย่างปลอดภัย  ทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและปกป้องข้อมูลระบบเข้ารหัสแบบ end-to-end ช่วยปกป้องข้อมูลทั้งในรูปแบบ at-rest และ in-flight ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่องค์กรในอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างธนาคารหรือการบริการทางการเงินให้ความสำคัญสูงสุด

ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน confidential computing และแนวปฏิบัติด้านซิเคียวริตี้ชั้นนำของไอบีเอ็ม และมาพร้อมกับ Crypto Express 8S Adapter ที่ได้รับการออกแบบให้องค์กรสามารถรัน CRYSTALS-Dilithium ได้ โดย CRYSTALS-Dilithium เป็นอัลกอริธึมที่ได้ถูกเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานการเข้ารหัส post-quantum โดย NIST (กรอบการทำงานยอดนิยมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์) ของสหรัฐอเมริกา

ขณะที่มีระบบพื้นฐานรองรับอนาคตด้วยเพราะ IBM LinuxONE Emperor 4 ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรของไอบีเอ็ม อาทิ Illmuio, METACO, MongoDB, NGINX, Fiorano, Fujitsu Limited, Sysdig, Inc. และ Temenos สนับสนุนเวิร์คโหลด Linux และ Red Hat OpenShift-certified จำนวนมาก ครอบคลุมถึง data serving, core banking และ digital assets

Cloud native development บน IBM LinuxONE Emperor 4 ช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้งานได้อย่างอไจล์ โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การใช้งานระบบปฏิบัติการใหม่ๆ เพิ่มเติม อีกทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถโฟกัสที่การพัฒนาบริการใหม่ๆ แทนที่จะต้องเสียเวลาอยู่กับการบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่มีความซับซ้อน โดยทุกองค์กรสามารถได้รับประโยชน์จากมาตรฐานแบบเปิดและอิโคซิสเต็มบน Linux และ Kubernetes ซึ่งรวมถึง DevSecOps และเครื่องมือ cloud native ต่างๆได้

องค์กรยังสามารถใช้ IBM LinuxONE TCO Calculator ด้วยการตอบคำถามเพียงไม่กี่ข้อเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ ประเภทของเวิร์คโหลด และซอฟต์แวร์ จากนั้น IBM LinuxONE TCO Calculator จะสามารถคำนวณ TCO ในภาพใหญ่ให้ได้ทันที โดยเป็นการประมาณการณ์บนพื้นฐานของอุตสาหกรรม

 

 

ส่องข้อคิดเห็นจากนักวิเคราะห์เกี่ยวกับ IBM LinuxONE

             ฟิล แฮสสีย์ ซีอีโอของ capioIT กล่าวว่า “สำหรับองค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคแล้ว ประเด็นความยั่งยืนถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในทุกมิติของธุรกิจ วันนี้แน่นอนว่าการลงทุนในเทคโนโลยีด้านความยั่งยืนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุด ไอบีเอ็มได้เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่สนับสนุนความยั่งยืนมาอย่างยาวนาน และเมนเฟรม LinuxONE ก็เป็นหนึ่งในผลของความพยายามเหล่านี้ [LinuxONE] มอบประโยชน์ในด้านความยั่งยืน ทั้งในแง่การใช้พลังงาน ดาต้าเซ็นเตอร์ฟุตปรินท์ และประโยชน์แก่ลูกค้าปลายทาง นวัตกรรมนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนามิติด้านความยั่งยืนในรายงานได้ ขณะเดียวกันก็ยังคงได้รับสมรรถนะทางเทคโนโลยีจากการลงทุนในระบบเมนเฟรมของตน”


IBM LinuxONE
ได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้า ในภูมิภาค ASEANZK (อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเกาหลี) หลายราย อาทิ  

       Amret (กัมพูชา)แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ประชากรกัมพูชาที่อายุมากกว่า 15 ปี ถึง 78% ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ ได้ กว่า 30 ปีที่ผ่านมา Amret ได้มุ่งมั่นในการลดช่องว่างดังกล่าว และเปิดให้บริการทางการเงินแบบไมโครไฟแนนซ์แก่ประชาชนหลายล้านคนทั่วประเทศกัมพูชา โดย IBM LinuxONE คือระบบที่รองรับบริการทางการเงินแบบไมโครไฟแนนซ์ของ Amret ให้มีความเสถียรสูง และสามารถทำงานได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่เกิดการล่มในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในก้าวต่อไปในเส้นทางดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน Amret ไม่เพียงแค่มองถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสถียรสูงเพื่อรองรับเวิร์คโหลด mission-critical เท่านั้น แต่ยังมองถึงระบบที่จะเป็นพื้นฐานรองรับการสร้างอนาคตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนด้วย

Sacombank (เวียดนาม) ในฐานะหนึ่งในสถาบันการเงินรายย่อยชั้นนำของเอเชีย และหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม Sacombank มองเห็นปริมาณการใช้งานช่องทางดิจิทัลต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าหลายล้านราย และความจำเป็นในการมีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่จะสามารถรองรับปริมาณการทำธุรกรรมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ได้ โดยที่ผ่านมา IBM LinuxONE เป็นระบบหลักที่อยู่เบื้องหลังบริการทางการเงินที่ไม่เคยล่มของ Sacombank ช่วยให้ธนาคารสามารถสเกลบริการต่างๆ ภายใต้ระดับความปลอดภัยที่สูงที่สุด โดยเป็นไปตามกฎข้อบังคับที่กำกับดูแลอยู่และไม่ส่งผลให้การพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ช้าลงแต่อย่างใด ระบบดังกล่าวช่วยให้ Sacombank สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาในการประมวลผลธุรกรรม และลดค่าไลเซนส์ซอฟต์แวร์ต่างๆ ลงได้ โดยคาดว่า Sacombank จะสามารถลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (Total cost of ownership หรือ TCO) ลงได้กว่า 533,000 ดอลลาร์สหรัฐในเวลา 6 ปี วันนี้ LinuxONE ช่วยให้ Sacombank มีศักยภาพที่จะสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและนำบริการทางการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนไปด้วยในขณะเดียวกัน

UnionBank (ฟิลิปปินส์) UnionBank ได้เปิดให้ใช้บริการที่อินทิเกรทเข้ากับระบบ digital asset orchestration ที่ชื่อ Harmonize ของ METACO ผ่าน IBM Cloud เพื่อช่วยให้สามารถได้รับประโยชน์จากแนวปฏิบัติ confidential computing ของระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ digital asset ของไอบีเอ็ม โดยแนวทางดังกล่าวนอกจากจะช่วยให้ UnionBank ได้รับประโยชน์จากมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด FIPS 140-2 ระดับ 4 เพื่อรองรับการบริหารจัดการและไมเกรทคีย์ต่างๆ แล้ว ยังช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากการปฏิบัติการ รวมถึงความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้จาก threshold signatures และนโยบายความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นได้ รวมถึงยังช่วยต่อการกับปัญหาการสมรู้ร่วมคิดระหว่างคนในและผู้พัฒนาซอร์สโค้ดจากภายนอก โดย IBM Cloud Hyper Protect Services ที่เปิดให้บริการทั้งบน IBM Cloud และ on-premise ผ่าน IBM LinuxONE คือเทคโนโลยีที่รองรับศักยภาพเหล่านี้ของ UnionBank

ธนาคารอิสลามขนาดใหญ่ (มาเลเซีย) ภายใต้ก้าวย่างดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการขยายธุรกิจ ธนาคารอิสลามขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในมาเลเซียได้มองถึงการนำระบบคอร์แบงค์กิงและระบบบริหารการขออนุมัติสินเชื่อแบบอิสลามมาใช้ และเพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าหลายล้านรายทั่วประเทศของธนาคารจะได้รับประสบการณ์การออมเงินและบริการทางการเงินที่ดีที่สุดจากธนาคาร ธนาคารแห่งนี้จึงได้เลือก IBM LinuxONE เป็นระบบหลักที่รองรับ โดย LinuxONE ช่วยให้ธนาคารสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ด้วยศักยภาพและความปลอดภัยสูงสุด ภายใต้การใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิผล ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเร่งการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธนาคารต่อไป

และ บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด (ประเทศไทย) ในประเทศไทย บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาธุรกิจด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของไอบีเอ็ม ได้นำระบบ IBM LinuxONE มาสนับสนุนก้าวสำคัญในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเดินหน้าให้บริการดิจิทัลแก่ประชาชนหลายล้านรายทั่วประเทศ โดยใช้พลังประมวลผลขั้นสูงที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด และด้วยศักยภาพในการทำงานอย่างราบรื่นไร้ปัญญาดาวน์ไทม์ของ IBM LinuxONE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ได้รับการทดสอบความพร้อม และการเปิดใช้งานระบบและบริการดิจิทัล นำไปสู่การให้บริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ช่วยให้หน่วยงานต่างๆ สามารถรองรับธุรกรรมในปริมาณมหาศาลและรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้โดยไม่สะดุด พร้อมทั้งสามารถขยายการให้บริการหรือปรับใช้แอปพลิเคชันใหม่ๆ ได้ทุกเมื่อ