ข่าวดี! “ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังไทย” สร้างชื่อบนเวทีโลก โชว์เทคนิค “ผ่าตัดส่องกล้องคอขั้นสูง” ในงานประชุมวิชาการนานาชาติที่เกาหลีใต้ ประกาศเดินสายสอนเทคนิคดูแลหลังให้องค์กรในไทยฟรี!

วงการแพทย์ไทยสร้างชื่ออีกครั้งในเวทีโลก เมื่อ นายแพทย์เมธี ภัคเวช ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลัง จากศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD Clinic ข้อหลังดี ได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยาย ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ The 1st Conference of ISECSS (International Society of Endoscopic Cervical Spine Surgery) ณ ประเทศเกาหลีใต้ 

งานประชุมครั้งนี้นับเป็น “ครั้งแรกของโลก” ที่รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องกระดูกสันหลังส่วนคอโดยเฉพาะ ถือเป็นการเปิดเวทีใหม่ให้ศัลยแพทย์จากทั่วโลกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และโชว์นวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุด โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 120 คน จากกว่า 20 ประเทศ และแพทย์ไทยที่ได้รับเกียรติเชิญขึ้นเป็นวิทยากรพิเศษหนึ่งภายในงาน คือ “นายแพทย์เมธี ภัคเวช” 

 เทคนิคการผ่าตัดขั้นสูง “Multiple level decompression”

หัวข้อที่คุณหมอเมธีนำเสนอ คือ “Multiple level decompression for cervical spondylotic myelopathy with sliding hemilaminectomy technique” หรือ “การส่องกล้องเพื่อตัดกระดูกที่กดทับไขสันหลังส่วนคอหลายตำแหน่งด้วยแผลเดียว” เทคนิคนี้ถือเป็น ความก้าวหน้าที่แอดวานซ์ที่สุดในปัจจุบัน เพราะช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถคลายการกดทับไขสันหลังที่เกิดขึ้นหลายตำแหน่งในคราวเดียว ลดการเปิดแผลกว้าง ลดการใส่เหล็กยึด และทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น นายแพทย์เมธี กล่าวว่า “ในอดีตผู้ป่วยที่มีภาวะไขสันหลังคอโดนกดทับหลายตำแหน่ง มักต้องเผชิญกับการผ่าตัดใหญ่ เจ็บตัวมาก ฟื้นช้า แต่ด้วยเทคนิคใหม่ เราสามารถเจาะเพียงรูเดียวแล้วตัดต่อเนื่อง ทำให้เส้นประสาทมีพื้นที่โล่งขึ้นทันที คนไข้เดินได้เร็วขึ้น และลดโอกาสพิการในอนาคต”

หมอไทยยืนเคียงบ่าเคียงไหล่แพทย์ระดับโลก

สิ่งที่ทำให้น่าภาคภูมิใจคือ ในเซสชันเดียวกัน มีศัลยแพทย์ระดับโลกจากเกาหลี ตุรกี รัสเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย และอุซเบกิสถานร่วมบรรยาย แต่ผลงานของไทยโดดเด่นด้วยการนำเสนอเทคนิคที่ซับซ้อนกว่าปกติ และถือเป็นการส่องกล้องขั้นสูงที่นานาชาติให้การยอมรับ

ทุกครั้งที่ผมขึ้นเวที ไม่ได้คิดว่าเป็นเกียรติส่วนตัวเท่านั้น แต่คือการยืนยันว่า ศักยภาพของแพทย์ไทยไม่ด้อยไปกว่าประเทศใด และคนไข้ไทยควรเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับมาตรฐานโลก”​ นายแพทย์เมธี กล่าว

วิเคราะห์แนวโน้ม ทำไม “กระดูกคอ” ถึงเป็นประเด็นใหญ่ของโลก

หากมองในเชิงวิเคราะห์ การที่สมาคม ISECSS ถูกตั้งขึ้นเพื่อโฟกัสการผ่าตัดส่องกล้องคอโดยเฉพาะ มีความหมายเชิงกลยุทธ์ในระดับโลก เนื่องจาก

  • โรคกระดูกสันหลังคอเพิ่มขึ้นทั่วโลก  ไลฟ์สไตล์ “สังคมก้มหน้า” การใช้สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และการนั่งทำงานท่าเดิมนาน ๆ ทำให้ปัญหากระดูกคอและหมอนรองกระดูกเสื่อมพบมากขึ้น
  • เทคนิคที่ยังไม่ลงตัว การส่องกล้องเอวได้รับการพัฒนามาเกิน 10 ปีจนเป็นมาตรฐานแล้ว แต่การส่องกล้องคอยังอยู่ในช่วง “พัฒนา” ทำให้ต้องมีสมาคมเฉพาะเพื่อวางมาตรฐานร่วมกัน
  • โอกาสของประเทศ Endemic  ประเทศในเอเชียรวมถึงไทย มีจำนวนผู้ป่วยโรคกระดูกสันหลังสูงขึ้นต่อเนื่อง การพัฒนาเทคนิคในภูมิภาคนี้จึงมีความสำคัญต่อประชาชนโดยตรง

ก้าวต่อไป “AI กำลังจะเปลี่ยนห้องผ่าตัด”

อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกหยิบยกในการประชุม คือการนำ AI มาช่วยแพทย์ฝึกผ่าตัด โดยการรวบรวมวิดีโอผ่าตัดจำนวนมหาศาล เพื่อสอนให้ AI ช่วยระบุว่า ส่วนที่เห็นคือเส้นประสาทหรือกระดูก และควรตัดตรงไหน แม้ AI ยังไม่สามารถแทนประสบการณ์จริงของศัลยแพทย์ได้ แต่ถือเป็น AI Assist for Beginner ที่จะทำให้แพทย์รุ่นใหม่เรียนรู้ได้เร็วขึ้น และช่วยลดความผิดพลาดในขั้นเริ่มต้น “ผมมองว่า AI จะเป็นเครื่องมือช่วยสอนที่มีคุณค่า โดยเฉพาะสำหรับหมอรุ่นใหม่ แต่ประสบการณ์ของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่แทนไม่ได้”  นายแพทย์เมธี กล่าว

โดยผลจากการประชุมครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนเพียงความก้าวหน้าทางวิชาการ แต่ยังมีผลต่อการรักษาผู้ป่วยจริงในอนาคตเนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้  ผ่าตัดส่องกล้อง = มาตรฐานใหม่ ​แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว หลีกเลี่ยงการใส่เหล็กโดยไม่จำเป็น ​ศัลยแพทย์ทั่วโลกเห็นพ้องว่า หากไม่จำเป็น การไม่ใส่เหล็กจะให้ผลระยะยาวที่ดีกว่า คนรุ่นใหม่เสี่ยงโรคคอมากขึ้น  เพราะใช้มือถือ คอมพิวเตอร์นาน ทำให้ปวดคอหรือหมอนรองเสื่อมเร็วกว่าคนรุ่นก่อน

การได้รับเกียรติขึ้นบรรยายใน The 1st Conference of ISECSS ไม่เพียงตอกย้ำความสามารถของ นายแพทย์เมธี ภัคเวช ศัลยแพทย์กระดูกสันหลังชาวไทย แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาและการยอมรับในระดับสากล ว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการยืนบนเวทีเดียวกับแพทย์ระดับโลก

โครงการ ‘KLD Move Well, Live Well’ สอนดูแลหลังฟรี! เพื่อคนไทยสุขภาพดีทุกวัย

นายแพทย์เมธี ภัคเวช กล่าวย้ำวิสัยทัศน์ว่า “เป้าหมายสูงสุดของผมไม่ใช่แค่ก้าวให้ทันนวัตกรรม แต่คือการทำให้ผู้ป่วยไทยเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องบินไปรักษาต่างประเทศ เพราะผมเชื่อว่า คนไทยทุกคนควรได้รับโอกาสในการดูแลสุขภาพที่ดี ด้วยมาตรฐานระดับสากล ตั้งแต่การป้องกันจนถึงการรักษา”

ล่าสุด เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นให้คนไทยทุกเพศทุกวัยมีกระดูกสันหลังที่แข็งแรง คุณหมอเมธีได้เปิดโครงการ KLD Move Well, Live Well – สุขภาพกระดูกดี เคลื่อนไหวอย่างมีความสุข โครงการเพื่อสังคมที่มุ่งส่งต่อความรู้และแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพกระดูกและข้ออย่างถูกวิธี

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ทีมแพทย์และจิตอาสาได้จัดกิจกรรม “KLD Move Well, Live Well – สุขภาพกระดูกดี เคลื่อนไหวอย่างมีความสุข” ครั้งที่ 1 ให้กับผู้สูงอายุ ณ บ้านคามิลเลียน พัฒนาการ ศรีนครินทร์ ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ภายในงานมีการออกกำลังกายเบา ๆ และเวิร์กช็อป “จัดท่า–ยืดท่าอย่างปลอดภัย”สำหรับผู้ดูแลผู้สูงอายุ ปิดท้ายด้วยพิธีมอบเกียรติบัตรจากคุณหมอเมธี พร้อมคำแนะนำสุขภาพ เพื่อให้ทุกคน “เคลื่อนไหวอย่างมีความสุข” อย่างแท้จริง

คุณหมอเมธียังฝากเชิญชวนองค์กรทุกภาคส่วนที่ต้องการให้ทีม KLD เข้าไปจัดสัมมนาให้ความรู้ด้าน ออฟฟิศซินโดรม หรือการดูแลสุขภาพ กระดูก–ข้อ สำหรับผู้สูงวัย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยกล่าวว่า

“เรามองว่าการดูแลสุขภาพไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในโรงพยาบาล แต่ควรเริ่มตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศ โรงงาน หรือที่บ้าน ทุกคนควรรู้วิธีจัดท่า ยืดเหยียด และดูแลร่างกายของตัวเองอย่างถูกต้อง ในยุคที่คนทำงานต้องนั่งหน้าจอวันละหลายชั่วโมง ออฟฟิศซินโดรมกลายเป็นโรคฮิตของคนรุ่นใหม่ ส่วนผู้สูงอายุก็มีปัญหาข้อเสื่อม กระดูกสันหลังเสื่อมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะขาดความรู้ในการดูแล ผมอยากให้ทีมเราเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้ เพื่อป้องกันก่อนป่วย ไม่ต้องรอให้เจ็บแล้วค่อยมารักษา

หากองค์กรใดอยากให้เราไปจัดกิจกรรมดี ๆ เพื่อดูแลบุคลากร เราพร้อมยินดีไปแบ่งปันสุขภาพดีถึงที่ เพราะเราเชื่อว่าการให้ความรู้คือการสร้างสุขภาพที่ยั่งยืน และสุขภาพกระดูกดี คือรากฐานของคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกวัยครับ

โดยผู้สนใจสามารถติดต่อเพื่อร่วมกิจกรรมได้ที่ prkldteam@gmail.com เพราะสุขภาพกระดูกดี คือจุดเริ่มต้นของการ “เคลื่อนไหวอย่างมีความสุข”  ทั้งนี้ โครงการ KLD Move Well, Live Well จะเดินหน้าจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในปี 2569 เพื่อขยายองค์ความรู้ด้านการดูแล กระดูกสันหลัง–ข้อ–กล้ามเนื้อ สู่ชุมชนและองค์กรทั่วประเทศ เป้าหมายคือ “ให้ทุกคนได้เคลื่อนไหวอย่างมีความสุขในทุกช่วงวัย