กรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ช่วงที่ผ่านมา เมื่ออินฟลูเอนเซอร์สาววัยเพียง 32 ปี ล้มป่วยด้วยภาวะ สโตรก (Stroke) หลังสะบัดคอขณะถ่ายคอนเทนต์ จนเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง ล่าสุด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังออกมาเตือนชัด “การสะบัดคอแรง ๆ” ไม่ได้เสี่ยงเพียงโรคหลอดเลือดสมอง แต่ยังอาจสร้างอันตรายต่อกระดูกสันหลังและไขสันหลัง จนถึงขั้นอัมพาตได้ด้วย
นายแพทย์เมธี ภัคเวช แพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์กระดูกสันหลัง ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD โรงพยาบาลคามิลเลียน ผู้มีประสบการณ์ผ่าตัดผู้ป่วยด้วยเทคนิคส่องกล้องกว่า 5,000 เคส และรักษาผู้ป่วยปวดเรื้อรังกว่า 20,000 เคส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากข่าวของอินฟลูเอนเซอร์สาว สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะการสะบัดคอแรง ๆ มีความเสี่ยงโดยตรง ต่อหลอดเลือดใหญ่ที่วิ่งขึ้นสมอง เพราะหากผนังหลอดเลือดเปราะหรือมีคราบหินปูนและไขมันเกาะอยู่ การสะบัดแรง ๆ สามารถทำให้ผนังฉีกหรือคราบหินปูนและไขมันหลุดลอยไปอุดสมองทันที ส่งผลให้เกิดภาวะเส้นเลือดสมองตีบได้
ไม่ใช่แค่เส้นเลือดสมอง! สะบัดคอแรง ๆ อาจพิการได้
โดยนายแพทย์เมธีกล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากลัวไม่น้อยกว่าสโตรกและหลายคนอาจยังไม่ทราบมาก่อน บริเวณคอของเราไม่ได้มีเพียงหลอดเลือด แต่ยังเป็นที่อยู่ของ กระดูกสันหลังส่วนคอและไขสันหลัง ซึ่งหากถูกแรงสะบัดรุนแรง ก็อาจบาดเจ็บได้ทันที โดยเฉพาะผู้ที่มีหมอนรองกระดูกคอเสื่อม กระดูกงอก หรือโพรงกระดูกตีบอยู่แล้ว การสะบัดคอเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ไขสันหลังถูกกดทับเพิ่มจนเกิดอาการชา แขนขาอ่อนแรง และหากแรงสะบัดรุนแรงพอ อาจทำให้เกิด Spinal cord injury (บาดเจ็บไขสันหลังเฉียบพลัน) ถึงขั้นอัมพาตถาวร
“มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่เพียงสะบัดคอ หรือคอกระชากจากการเบรกรถแรง ๆ ก็เกิดอาการเดินไม่ได้เพราะไขสันหลังบาดเจ็บเฉียบพลัน” นายแพทย์เมธีกล่าวย้ำ
ส่องพฤติกรรมเสี่ยงอื่นที่ทำร้ายหมอนรองกระดูก
นอกจากนี้นายแพทย์เมธีกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่น่าห่วงไม่ใช่เพียงแค่การสะบัดคอ พฤติกรรมเสี่ยงอื่นก็ต้องระวัง สิ่งที่หลายคนทำเป็นประจำก็ก่อความเสี่ยงได้เช่นกัน เช่น
- การนวดแรง ๆ หรือดัดคอผิดวิธีเสี่ยงเส้นเลือดฉีกหรือหมอนรองกระดูกเคลื่อน
- การบิดคอ–หลังจนมีเสียงดัง อาจเร่งการเสื่อมของข้อต่อและหมอนรองกระดูก
- การก้มเล่นโทรศัพท์นาน ๆ ทำให้หมอนรองกระดูกคอรับแรงกดมากผิดปกติ
- การยกของหนักผิดท่า โดยเฉพาะการก้มยกของโดยไม่งอเข่า เสี่ยงหมอนรองกระดูกเคลื่อน
- การนั่งนาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนท่า ทำให้กล้ามเนื้อตึงและกระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้น
หมอแนะนำ วิธีดูแลคอและหลังลดเสี่ยงบาดเจ็บ
นายแพทย์เมธี แนะนำเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นทุกคนสามารถปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันทั้งโรคหลอดเลือดสมองและปัญหากระดูกสันหลัง ได้ง่าย ๆ เพียงปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการสะบัดหรือหักคอแรง ๆ
- ออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อคอและหลังเช่น ท่ายืดเหยียดเบา ๆ หรือท่าบริหารแกนกลางลำตัว
- จัดท่านั่ง–ท่ายืนให้ถูกต้องโดยเฉพาะเวลาทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือใช้สมาร์ตโฟน
- เปลี่ยนอิริยาบถทุก 30–60 นาทีลดแรงกดที่คอและหลัง
- เลือกหมอนและที่นอนที่เหมาะสมเพื่อพยุงแนวกระดูกสันหลัง
- ควบคุมปัจจัยเสี่ยงโรคเรื้อรังเช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันในเลือด
- พบแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติเช่น ชา แขนขาอ่อนแรง เวียนศีรษะ หรือปวดเรื้อรัง
“กรณีอินฟลูเอนเซอร์สาวปีที่ป่วยสโตรกหลังสะบัดคอ เป็นเครื่องเตือนใจสังคมว่า อาการเล็กน้อยเพียงการเคลื่อนไหวคอแรง ๆ อาจนำไปสู่โรคใหญ่ที่ไม่คาดคิด ทั้งโรคหลอดเลือดสมองและปัญหากระดูกสันหลัง ซึ่งอาจจบลงด้วยอัมพาตได้ สิ่งสำคัญคือการรู้เท่าทันพฤติกรรมเสี่ยงรอบตัว ทั้งการนวดแรง ๆ การบิดคอจนมีเสียงดัง การก้มเล่นมือถือเป็นเวลานาน หรือแม้กระทั่งการยกของผิดท่า ล้วนเป็นปัจจัยที่สะสมจนทำร้ายกระดูกสันหลังและเส้นประสาทโดยไม่รู้ตัว ท้ายที่สุด การป้องกันยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพียงดูแลพฤติกรรมชีวิตประจำวัน ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ จะช่วยให้เราห่างไกลจากภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้” นายแพทย์เมธีกล่าว
โดยหากท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการหรือต้องการ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์กระดูกสันหลัง ติดต่อ นายแพทย์เมธี ภัคเวช ได้ที่ ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD โรงพยาบาลคามิลเลียน เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม หรือติดตามสาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังได้ที่ เว็บไซต์ https://www.kldclinic.com และ Facebook Fanpage “ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD – ข้อหลังดี” นายแพทย์เมธีพร้อมให้คำปรึกษา