จากห้องเรียนสู่สังคมเทคโนโลยียั่งยืน ซัมซุงสร้างพลเมืองเท่าทันดิจิทัล ผ่าน Samsung Innovation Campus 2025

ปัจจุบันการพัฒนาทักษะดิจิทัลได้กลายเป็นพื้นฐานที่จำเป็นของอนาคต และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมโดยรวม ซัมซุง เดินหน้ายกระดับทักษะดิจิทัลแก่เยาวชนไทยในโครงการ Samsung Innovation Campus 2025 จุดประกายความคิดสร้างสรรค์และสร้างโอกาสสำหรับอนาคตที่ดีกว่า ผ่านโปรแกรมการเรียนการสอนที่เน้นการทำจริง เพื่อปู่ทางเยาวชนให้พร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน โดยในปี 2568 มีจำนวนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาเข้าร่วมโครงการมากถึง 6,501 คน พร้อมเปิดมุมมองคุณครูและนักเรียนจากโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ผ่านเรื่องราวความประทับใจที่ได้นำความรู้จากโครงการไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

นายสิทธิโชค นพชินบุตร President of Mobile Experience Division บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ “โครงการ Samsung Innovation Campus สะท้อนความมุ่งมั่นของซัมซุงในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ภายใต้พันธกิจเพื่อสังคม Together for Tomorrow, Enabling People – มุ่งสร้างพลังคน มุ่งสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน เพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลให้เยาวชนไทยอย่างเท่าเทียม ผ่านการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และสร้างนวัตกรรมเพื่อผู้คนและสังคม โครงการนี้ดำเนินแล้วกว่า 40 ประเทศ เข้าถึงเยาวชนกว่า 35,000 คนทั่วโลก และในประเทศไทยได้ขยายสู่โรงเรียน 11 แห่ง ครอบคลุม 9 จังหวัด พัฒนานักเรียนกว่า 6,500 คนให้พร้อมก้าวสู่อนาคตดิจิทัลอย่างยั่งยืน”
หัวใจของการสอนยุคใหม่ คือให้เด็กได้ลงมือทำจริง

นางสาวประนอม ศุภศร ครูผู้สอนวิชาการคำนวณ โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย หรือ ครูน้อย มองว่า โครงการ SIC มีประโยชน์มาก จุดเด่นที่ชัดเจนคือ การส่งเสริมด้านการพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ที่เน้นการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ (Hands-on Learning) ทำให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ กล้าแสดงออก ทำงานเป็นทีม และมีทัศนคติที่ดีต่อเทคโนโลยีมากขึ้น อีกทั้งตั้งเป้าหมายจะนำเทคโนโลยีไปใช้ในอนาคต หลังจากที่ครูได้นำความรู้จากการอบรม เช่น แนวคิดการคิดเชิงคำนวณมาประยุกต์ใช้ในการสอน โดยโครงการนี้ก็ช่วยเปิดโลกการสอนใหม่ ๆ ให้ครูได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีมาช่วยออกแบบกิจกรรมกระตุ้นให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา และออกแบบบทเรียนที่ตอบโจทย์ผู้เรียนมากขึ้น ทำให้บรรยากาศในห้องเรียนสนุก เด็กมีส่วนร่วม และรู้สึกภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง
“การได้เข้าร่วมโครงการจากซัมซุง ทำให้ครูได้พัฒนศักยภาพอย่างรอบด้าน นำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้อย่างมั่นใจ ในยุคที่โลกเปลี่ยนเร็ว มีทั้ง AI และเครื่องมือใหม่ ๆ อย่าง ChatGPT หรือ Gemini ซึ่งทำให้เด็กสามารถสร้างงาน เช่น สติกเกอร์หรือโมเดลได้เอง วันนี้เราไม่ได้สอนแค่ให้เด็กใช้โปรแกรม แต่สอนให้เขาคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง โดยหัวใจของการสอนยุคใหม่ คือ ให้เด็กได้ลงมือทำจริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การวางแผนเดินทาง การแก้ปัญหา หรือการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาตนเอง โครงการนี้จึงไม่ใช่แค่การอบรม แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทั้งครูและนักเรียนเติบโตไปพร้อมกัน” ครูน้อยกล่าว
เรียนรู้ AI อย่างรู้เท่าทัน ใช้เป็นประโยชน์ทั้งวันนี้และอนาคต
ด้าน ด.ญ. ชิณาณา นิลคำ นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย บอกว่า การเรียนรู้ในโครงการ SIC เน้นการลงมือปฏิบัติจริง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก ช่วยให้มีความเข้าใจมากขึ้น ทั้งวิชาการคำนวณ การเขียนโปรแกรมภาษา Python และทักษะพื้นฐานการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่สามารถนำมาช่วยแบ่งเบาภาระในการเรียนและในชีวิตประจำวันได้หลายอย่าง เช่น การช่วยเขียนเรียงความ การสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม เป็นต้น แต่ AI ก็มีผลเสียแฝงอยู่ด้วย ดังนั้น หากจะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็ต้องรู้จักข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียด โดยสิ่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมคือ การแยก AI กับสิ่งที่เป็นจริง ทำให้รู้จักสังเกต และพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้ถูกหลอก อีกทั้งนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังได้ทักษะในการพรีเซนต์เพิ่มเติมอีกด้วย
“หนูสนใจเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นผลดีต่อทั้งวันนี้และในอนาคต ตอนนี้ AI พัฒนาขึ้นทุกวัน คิดว่าต้องได้ใช้แน่ ๆ โดยเฉพาะในอาชีพทนายที่เป็นความฝันของหนู ซึ่งต้องมีการสืบค้นข้อมูล หรือข้อกฎหมายมากมาย แม้การก้าวสู่ยุคดิจิทัลจะมีข้อดี ทำให้เรามีเครื่องมืออำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ทำให้เด็กติดจอและสมาธิสั้น มีการหลอกลวงทางออนไลน์ จึงอยากให้เพื่อน ๆ รู้จักใช้เทคโนโลยีในทิศทางที่ดีมีประโยชน์ต่อการเรียนและในชีวิตประจำวัน ต้องขอบคุณซัมซุงที่ทำโครงการดี ๆ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และก้าวทันเทคโนโลยีด้วยความสนุก ซึ่งอยากให้ทำโครงการต่อไปเรื่อย ๆ“

จากเด็กที่กลัวเทคโนโลยี สู่แรงบันดาลใจอยากเป็นตำรวจไซเบอร์
ปิดท้ายที่มุมมองของ ด.ช.กรณพัฒน์ เกิดนาวี นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1 โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย บอกว่า ก่อนหน้านี้มองว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องยากและ ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่ตอนนี้มีความสนใจและมองเห็นประโยชน์ของเครื่องมือดิจิทัลชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการนำ AI มาใช้ในการเรียนและในชีวิตประจำวัน โดยใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลและความรู้เพิ่มเติม เช่น เวลาเจอโจทย์ที่ไม่เข้าใจก็จะถาม AI ก่อน แล้วค่อยถามคุณครูอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ต้องแยกให้ได้ว่าอะไรจริงหรือถูกสร้างขึ้น ซึ่งการเรียนในโครงการ SIC ทำให้รู้วิธีสังเกต การรู้จักกลั่นกรองข้อมูล นอกจากนี้ ยังสอนการใช้งานเครื่องมืออย่าง Python รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
“ขอขอบคุณซัมซุงที่ทำให้ผมชอบเทคโนโลยีมากขึ้น จากการเรียนที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง ทำให้รู้สึกสนุกและเข้าใจสิ่งที่เรียนรู้มากขึ้น ขอให้ทำโครงการต่อไปเรื่อย ๆ เพราะช่วยเสริมทักษะให้เด็กได้จริง ๆ ในอนาคตผมอยากเป็นทหารหรือตำรวจไซเบอร์ เพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้คนจากภัยคุกคามบนโลกออนไลน์ ซึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้จะมีการต่อยอดนำใช้ในอาชีพอย่างแน่นอน อยากฝากทุกคนว่าเทคโนโลยีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ต้องใช้อย่างมีจริยธรรมและไม่เบียดเบียนผู้อื่น”
โครงการ Samsung Innovation Campus 2025 ไม่เพียงมอบความรู้ด้านดิจิทัลให้กับเยาวชน แต่ยังปลูกฝังทักษะคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้ก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ เสียงสะท้อนจากทั้งครูและนักเรียนคือหลักฐานที่แสดงถึงพลังของการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง ซึ่งซัมซุงเชื่อมั่นว่าจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างพลเมืองดิจิทัลคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนสังคมไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน