วิกฤตเงียบสังคมผู้สูงวัย ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคหมอนรองกระดูกเสื่อม

เปิดสัญญาณเตือนจาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกสันหลัง เมื่อประเทศไทยกำลังก้าวสู่ สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ อย่างรวดเร็ว ภายใต้การเปลี่ยนผ่านนี้ นอกจากประเด็นด้านเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากร ยังมี วิกฤตสุขภาพที่ซ่อนอยู่ ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาโดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว นั่นคือ โรคกระดูกสันหลังเสื่อมในผู้สูงวัย

 

นพ.เมธี ภัคเวช แพทย์เฉพาะทางศัลยศาสตร์กระดูกสันหลัง ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD โรงพยาบาลคามิลเลียน แพทย์ที่มีประสบการณ์ผ่าตัดผู้ป่วยด้วยเทคนิคส่องกล้องมาแล้วกว่า 5,000 เคส รักษาคนไข้ที่มีอาการปวดเรื้อรังมามากกว่า 20,000 เคส เปิดเผยว่า ปัญหากระดูกสันหลังในสังคมไทยกำลังลุกลามแบบเงียบๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มมีอาการจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูกและการกดทับเส้นประสาท

ชีวิตหนักในอดีต สะสมเป็นโรคในวันนี้

ในพื้นที่ชนบท คนจำนวนมากเคยใช้แรงงานหนักตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ไม่ว่าจะเป็นการแบกของหนัก ขุดดิน ทำนา หรือทำงานก่อสร้าง สิ่งเหล่านี้แม้จะดูเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น แต่ในมุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กลับเป็น รากฐานของความเสื่อม ที่เริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ   จากการประเมิน ผู้สูงวัยในชนบทมากกว่า 50% มีภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกทรุด หรือเส้นประสาทถูกกดทับ นพ.เมธีกล่าว

 คนเมืองก็ไม่รอด…โรคจาก “พฤติกรรมดิจิทัล”

ขณะเดียวกันในกลุ่มคนเมืองและวัยทำงาน ก็เผชิญความเสี่ยงอีกแบบที่ต่างออกไป พฤติกรรมการนั่งนาน ก้มหน้าใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์ตลอดวัน กลายเป็นต้นตอของโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง  ในช่วง 510 ปีที่ผ่านมา ผมเห็นเคสคนอายุน้อยที่มีอาการชาแขน ปวดคอ ไปจนถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ และสาเหตุหลักล้วนมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่  นพ.เมธี กล่าว

“โครงสร้างทางพันธุกรรม” ตัวแปรที่หลายคนมองข้าม

แม้พฤติกรรมจะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่นพ.เมธีเตือนว่า ไม่ใช่ทุกคนจะตอบสนองต่อความเสื่อมเหมือนกัน เพราะ โครงสร้างทางพันธุกรรม ของกระดูกสันหลัง ก็มีบทบาทอย่างมาก บางคนแม้หมอนรองกระดูกจะเสื่อมมาก แต่กลับไม่เจ็บเลย เพราะโพรงประสาทมีขนาดใหญ่ ขณะที่บางคนโครงสร้างเล็ก มีความเสื่อมนิดเดียวก็ปวดทรมานอย่างหนัก เรื่องนี้ทำให้การวินิจฉัยและรักษาต้องอาศัยความเข้าใจแบบรายบุคคล ไม่ใช่ใช้สูตรเดียวกันหมด

ผ่าตัดกระดูกสันหลังไม่น่ากลัวอีกต่อไป

อดีตผู้คนส่วนมากเคยมีความกลัวว่า ผ่าตัดกระดูกสันหลัง = เสี่ยงพิการ แต่วันนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ก้าวล้ำไปไกล โดยเฉพาะการ ผ่าตัดส่องกล้อง (Endoscopic Spine Surgery)” ที่ไม่ต้องเปิดแผลใหญ่ แต่ใช้กล้องขนาดเล็กความละเอียดสูงสอดเข้าไปในช่องกระดูก ทำให้เห็นตำแหน่งปัญหาอย่างแม่นยำและลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง รูแผลมีขนาดเพียง 8 มิลลิเมตร ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดภาวะแทรกซ้อน และมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วกว่ามาก

นพ.เมธีกล่าวต่อว่า ในอนาคตอันใกล้ การผ่าตัดเปิดแบบเดิมอาจเหลือไว้ใช้เฉพาะกรณีซับซ้อนจริง ๆ ขณะที่เทคนิคส่องกล้องจะกลายเป็นมาตรฐานหลักในการรักษาโรคกระดูกสันหลัง

รักษาอย่างเดียวไม่พอ ต้องป้องกันตั้งแต่ต้นเหตุ

ในฐานะแพทย์ผู้เห็นผู้ป่วยจริงทุกวัน เขาเน้นย้ำว่า การรักษาที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เกิดโรคแต่แรก เช่น หลีกเลี่ยงการนั่งท่าไม่เหมาะสม นั่งพื้นหรือนั่งพับเพียบ ควบคุมน้ำหนัก และลดการใช้งานมือถือในท่าก้มหน้าเป็นเวลานานและที่สำคัญไม่แพ้กัน  นพ.เมธียังฝากถึงลูกหลานในครอบครัวว่า ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของผู้สูงอายุในบ้าน หากมีอาการปวดหลังเรื้อรัง เดินไม่ถนัด ปลายมือปลายเท้าชา หรือมีการทรงตัวที่เปลี่ยนไป นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคกระดูกสันหลังที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว เพราะหากพบและรักษาได้ทันท่วงที ย่อมลดโอกาสเสื่อมหนักและฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าการปล่อยให้อาการลุกลาม “สุขภาพกระดูกสันหลังคือผลสะท้อนจาก ‘วิธีคิดและวิธีใช้ชีวิต’ ของเรา หากเราปรับได้ตั้งแต่วันนี้ เราก็จะใช้ชีวิตในวัยสูงอายุอย่างแข็งแรง มีคุณภาพ และไม่เป็นภาระลูกหลาน”

เชิญชวนแพทย์ร่วมขับเคลื่อนมาตรฐานใหม่

นอกจากการดูแลคนไข้แล้ว นพ.เมธี กล่าวว่าตนพร้อมเปิดโอกาสให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่สนใจการผ่าตัดส่องกล้อง ได้เข้ามาเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างเปิดกว้าง เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้ช่วยกันดูแลสังคมผู้สูงอายุในไทยทั่วถึงมากที่สุด   จากประสบการณ์ผ่าตัดมาแล้วกว่า 5,000 เคส ผมยินดีแบ่งปันเทคนิคและแนวคิด เพื่อให้เกิดการพัฒนาแพทย์ไทยรุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านนี้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังมีอยู่ไม่ถึง 10 คนในประเทศ เราจำเป็นต้องเร่งพัฒนา เพราะโรคนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทยอีกไม่นาน นพ.เมธี​ ภัคเวช กล่าว

 

ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง KLD โรงพยาบาลคามิลเลียน ปรึกษา โทร.062 3651788