“พลูโก” แพลตฟอร์มโซลูชันอีคอมเมิร์ซของอินโดนีเซีย ประกาศบุกตลาดไทย สะท้อนเป้าหมายสำคัญในปี 2566

พลูโก (Plugo) ผู้บุกเบิกวงการอีคอมเมิร์ซจากอินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จในการปั้นตลาดเฉพาะกลุ่ม ในตลาดช่องทางขายถึงผู้บริโภคโดยตรง (D2C) ในยุคดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างงานพลูโก แบรนด์ แอปพรีชิเอชัน เดย์ (Plugo Brand Appreciation Day) ประจำปี 2566 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรม เดอะ แลงแฮม จาการ์ตา (The Langham Jakarta) นั้น พลูโกได้ประกาศความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมั่นใจ โดยภายในงานมีผู้นำในอุตสาหกรรม ตัวแทนแบรนด์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

ความสำเร็จอันน่าทึ่งของพลูโกในปี 2566 บ่งบอกถึงความโดดเด่นที่เพิ่มขึ้นในภาคอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็น

  • มูลค่าสินค้ารวม (GMV) รายเดือนทุบสถิติสูงสุด แตะหลัก 9.96 หมื่นล้านรูเปียห์
  • จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์ทั้งหมดสูงถึง 26 ล้านครั้ง
  • สร้างสถิติวันที่ขายสินค้าได้มากที่สุด โดยขายได้มากถึง 47,000 รายการ
  • อัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมสินค้าไปเป็นผู้ซื้อค่อนข้างน่าประทับใจ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 9%

ภายในงานนี้ คุณอิซกิ อัลดริน อิสวาร์นา (Izki Aldrin Iswarna) ผู้อำนวยการประจำประเทศของพลูโก กล่าวว่า “เหตุการณ์สำคัญในปี 2566 ของเราได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นของพลูโก ในการให้บริการแบรนด์ต่าง ๆ และช่วยให้เติบโตได้ ซึ่งความสามารถในการปรับตัวและแนวทางที่เป็นนวัตกรรมของเรานี้ เป็นเสาหลักสำคัญในการบุกเบิกตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่ตัวเลขและเหตุการณ์สำคัญเท่านั้น การทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการของทั้งแบรนด์และผู้บริโภค ถือเป็นหัวใจสำคัญในกลยุทธ์ของพลูโกอีกด้วย โดยที่ความสำเร็จของพลูโกได้รับการสนับสนุนจากการทำงานร่วมกันระหว่างตลาดซื้อขายและแพลตฟอร์มแบบ D2C

ประเทศไทย ซึ่งมีภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซที่มีชีวิตชีวา จะเป็นจุดหมายปลายทางถัดไปในแผนการขยายตัวของพลูโก โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในสิ้นปี 2566 ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความเป็นผู้นำของพลูโกในภาคอีคอมเมิร์ซแบบ D2C

คุณคยองมิน บัง (Kyungmin Bang) ซีอีโอของพลูโก กล่าวถึงการลงทุนครั้งนี้ว่า “การขยายธุรกิจของเราสู่ประเทศไทยไม่ใช่แค่การตัดสินใจทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นความมุ่งมั่นด้วย เรามองว่าประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งโอกาสในการเติบโตอันยิ่งใหญ่ และหวังนำความเชี่ยวชาญด้าน D2C ของเรามาสู่แบรนด์ที่ไม่หยุดนิ่ง”